อาดรียานู เลย์ชี รีเบย์รู (โปรตุเกส: Adriano Leite Ribeiro) เกิดวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1982 ที่เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล ตำแหน่งศูนย์หน้า
อาดรียานูเคยเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลฟลาเม็งกูในบราซิล, สโมสรฟุตบอลฟีออเรนตีนา, สโมสรฟุตบอลปาร์มา, สโมสรฟุตบอลอินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน และสโมสรฟุตบอลโรมาในอิตาลี
อาดรียานูประสบความสำเร็จกับทีมชาติบราซิลในการแข่งขันฟุตบอลโกปาอาเมริกา 2004 และคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2005 ซึ่งทั้งสองรายการบราซิลได้เป็นแชมป์ และอาดรียานูเป็นดาวยิงสูงสุดรวมถึงผู้เล่นยอดเยี่ยม แต่ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี อาดรียานูและบราซิลทำผลงานได้ไม่ดีนัก เขาทำได้เพียง 2 ประตูจากนัดที่พบกับออสเตรเลียและกานาในรอบแรก
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม อาดรียานู เลย์ชี รีเบย์รู
วันเกิด 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1982 (42 ปี)
สถานที่เกิด รีโอเดจาเนโร, ประเทศบราซิล
ส่วนสูง 1.89 เมตร (6 ฟุต 2 1⁄2 นิ้ว)[1]
สโมสรเยาวชน
1997–1999 ฟลาเมงโก
สโมสรอาชีพ
ปี 2000–2001 ฟลาเมงโก ลงเล่น24 ประตู(10)
ปี 2001–2002 อินเตอร์มิลาน ลงเล่น8 ประตู(1)
ปี 2002 → ฟีออเรนตีนา (ยืม) ลงเล่น15 ประตู(6)
ปี 2002–2004 ปาร์มา ลงเล่น37 ประตู(23)
ปี 2004–2009 อินเตอร์มิลาน ลงเล่น115 ประตู(47)
ปี 2008 → เซาเปาลู (ยืม) ลงเล่น21 ประตู(11)
ปี 2009–2010 ฟลาเมงโก ลงเล่น32 ประตู(19)
ปี 2010–2011 โรมา ลงเล่น5 ประตู(0)
ปี 2011–2012 โครินเทียนส์ ลงเล่น4 ประตู(1)
ปี 2012 ฟลาเมงโก ลงเล่น0 ประตู(0)
ปี 2014 อาตแลชีกูปารานาเอ็งซี ลงเล่น1 ประตู(0)
ปี 2016 ไมอามียูไนเต็ด ลงเล่น0 ประตู(0)
รวม 241 (107)
ทีมชาติ
1999 บราซิล อายุไม่เกิน 17 ปี ลงเล่น5 ประตู(0)
2001–2002 บราซิล อายุไม่เกิน 20 ปี ลงเล่น9 ประตู(6)
2000–2010 บราซิล ลงเล่น48 ประตู(27)
เกิดอะไรขึ้นกับอาเดรียโน?
จากคนที่เคยเกือบจะสยบโลกอยู่ใต้ฝ่าเท้า กลับกลายเป็นนักเตะที่สร้างปัญหาจนแทบไม่มีใครต้องการ เรามาหาคำตอบกันที่นี่
อาเดรียโน เกิดในริโอ เดอ จาเนโร และได้รับการจับตามองมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง ด้วยวัยเพียง 17 ปี เขาได้ขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของฟลาเมงโก้ และอีก 2 ปีถัดมา อินเตอร์ มิลาน ก็เข้ามาคว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวมากกว่า 13 ล้านยูโร
ที่ซาน ซิโร อาเดรียโนอาจจะยังมีโอกาสได้ลงเล่นไม่มากนัก เขาจึงถูกส่งไปให้ปาร์มายืมตัวไปใช้งาน ซึ่งเขาก็ยิงไป 26 ประตู จาก 44 นัด ก่อนจะถูกเรียกตัวกลับไปเล่นให้ทีมงูใหญ่
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็เริ่มฉายแววในนามทีมชาติ ด้วยการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำรวมถึงนักเตะยอดเยี่ยม พร้อมพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โคปา อเมริกา เมื่อปี 2004
แม้จะมีผลงานที่สนามที่ไร้ที่ติ แต่เรื่องไลฟ์สไตล์ของเขาก็เป็นเรื่องที่หลายคนรู้สึกกังวลมาตั้งแต่ตอนนั้น
ในปี 2006 เขาถูกจับได้ว่าแอบไปปาร์ตี้ที่ไนท์คลับถึงสองครั้งสองครา และคาร์ลอส ดุงก้า ก็ส่งสัญญาณเตือนแบบแรงๆ ด้วยการดร็อปเขาออกจากทีม
"เขาเป็นแชมเปี้ยน แต่เขาต้องหาแรงบันดาลใจของเขาให้เจอ ต้องมีสปิริตและโฟกัสในสิ่งที่เหมาะสม" ดุงก้ากล่าว
"อินเตอร์ก็เหมือนทีมชาติ พวกเขามีนักเตะที่เป็นแชมเปี้ยนอยู่ถึง 18 คนในทีม ทุกวันอาเดรียโนจะต้องสู้เพื่อแย่งตำแหน่งของตัวเอง”
ไม่จำเป็นต้องพูดต่อว่าคำเตือนนั้นไม่ส่งผลอะไร แม้ว่าเขาจะยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องในทีมอินเตอร์ ซึ่งคว้าสคูเดตโต้ได้ถึง 4 สมัยติดต่อกันระหว่างปี 2006-2009 แต่กองหน้ารายนี้ก็สร้างปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละฤดูกาล
ในที่สุด ความอดทนของสโมสรก็ถึงขีดจำกัด เขาถูกปล่อยให้เซา เปาโล ยืมตัวไปใช้งาน แต่ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเขาได้กลับไปอยู่ ฟลาเมงโก้ สโมสรเก่าที่เขารัก และพาทีมไปถึงแชมป์ในปี 2009 ก่อนจะกลับมาเล่นในเซเรีย อา อีกครั้งกับโรมา ซึ่งนั่นคือหายนะอย่างแท้จริง
ที่เมืองหลวงของอิตาลี อาเดรียโน กลายเป็นความอับอายราคาแพงที่ใครก็ไม่อยากพูดถึง เขามีปัญหาเรื่องการทำประตู และมักจะถูกพบตามไนท์คลับ มากกว่าจะได้โชว์ทักษะของตัวเองในสนามฟุตบอล
ครั้งสุดท้ายที่กองหน้ารายนี้ได้ลงเล่นมากกว่า 10 นัดต่อฤดูกาล ต้องย้อนไปถึงปี 2009 จนกระทั่งในปี 2016 หลังจากความล้มเหลวแบบไม่เป็นท่ากับทีมในลีกรองของสหรัฐอเมริกาอย่างไมอามี ยูไนเต็ด เขาก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ด
จากนักเตะพรสวรรค์ที่กลายเป็นแข้งจอมฉาวเพราะเรื่องเหล้าและยาเสพติด หากมันยังทำให้คุณเซอร์ไพรส์ไม่พอ ในปี 2010 อาเดรียโนมีข่าวว่าไปเข้าแก๊งมาเฟียในบ้านเกิด โดยมีภาพตัวเขาถือปืน AK47 ปรากฏตามหน้าสื่อ
ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ตำนานคนสำคัญของอินเตอร์ มิลาน และอาร์เจนตินา ซึ่งเคยเล่นร่วมกับอาเดรียโนที่ซานซิโร เล่าว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้ อาเดรียโน กลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ มาจากโทรศัพท์สายหนึ่งในช่วงต้นฤดูกาล 2004-05
"อาเดรียโน มีพ่อที่คอยดูแลเขา และทำให้เขาอยู่กับร่องกับรอย แต่ในช่วงต้นฤดูกาล มีบางอย่างที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น" ซาเน็ตติเล่าเรื่องของเขาทาง InterNews "เขาได้รับโทรศัพท์จากบราซิลที่แจ้งข่าวเข้ามาว่าพ่อของเขาเสียชีวิต
"ผมเห็นเขาร้องไห้ เขาโยนโทรศัพท์ทิ้ง และร้องตะโกนว่ามันเป็นไปไม่ได้ นับตั้งแต่วันนั้น โมรัตติกับผมตัดสินใจที่จะดูแลเขาเหมือนน้องชาย และพยายามจะปกป้องเขา
"เขาพยายามเล่นฟุตบอล, ยิงประตู และอุทิศแต่ละประตูให้พ่อ แต่หลังจากโทรศัพท์สายนั้น เขาไม่เคยเป็นเหมือนเดิมอีกเลย
"เราอาจจะบอกว่าเขาคือส่วนผสมของโรนัลโด้และซลาตัน อิบราฮิโมวิช แต่ผมว่าเขาอาจจะไปได้ไกลกว่าทั้งคู่ด้วยซ้ำ
"แต่หลังจากทุกๆ อย่าง เรากลับทำอะไรไม่ได้ เราช่วยให้เขาหายจากอาการซึมเศร้าไม่ได้ และนั่นก็ยังหลอนผมมาจากถึงวันนี้"
"มีแต่ผมที่รู้ว่าตัวผมเจ็บปวดแค่ไหน" อาเดรียโนกล่าวทาง R7 "ความตายของพ่อทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ ผมรู้สึกโดดเดี่ยว และผมปิดกั้นตัวเองตั้งแต่ที่เขาตาย ผมเสียใจและมีอาการซึมเศร้าในอิตาลี นั่นคือตอนที่ผมเริ่มดื่มเหล้า
"ผมมีความสุขแค่เฉพาะตอนที่ดื่ม ผมดื่มทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ไวน์, วิสกี้, ว็อดก้า, เบียร์ ไม่รู้เลยว่าจะหลบซ่อนมันอย่างไร ผมเคยไปสนามซ้อมทั้งๆ ที่เมาอยู่ในตอนเช้า"
ในปี 2017 ทีมฟลาเมงโก้เคยพยายามจะดึงเขากลับมาสู่เกมฟุตบอลอีกครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่าอาเดรียโนปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวไปอย่างไม่ใยดี
"ในฟุตบอลโลกปี 2018 เขาจะอายุ 36 ปี และเขาก็ยังยอดเยี่ยมกว่าทุกๆ คน นอกจากนี้ ฟลาเมงโก้ก็ต้องการไอดอลด้วย แต่เขาไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของเรา" ประธานสโมสรฟลาเมงโก้กล่าวทาง Fox Sports
โชคร้ายที่ความตายของพ่อทำให้อาเดรียโนหมดรักกับฟุตบอล และตั้งแต่นั้น เขาก็หันหลังให้เกมที่เขาเคยรักไปตลอดกาล
Post at 07-06-2024 04:39:05 AM